อัลเลกรีชี้ทีมประมาทเกินไปทำพ่ายโรม่า

ผิดพลาดอยู่!! มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ผู้จัดการทีม “ม้าลาย” ยูเวนตุส นั้นได้ออกมาทำการยอมรับแล้วว่านักเตะภายในทีมนั้นเสียสมาธิไปมากพอสมควรหลังเขานั้นไปโฟกัสผิดจุดจนทำให้สุดท้ายพวกเขาก็มาถูกทางทีม “หมาป่ากรุงโรม” อาแอส โรม่า นั้นมาทำประตูรัวแซงเอาชนะไปในเกมนัดนี้ 3 – 1 พร้อมชี้ว่าความพ่ายแพ้ในเกมนัดนี้จะทำให้ทีมกลับมาแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมอีกครั้งหนึ่งด้วย ซึ่งทางทีม ยูเวนตุส นั้นต้องการอีกเพียงแค่ 1 แต้มจากการลงเล่นในฤดูกาลนี้ก็จะทำการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับทีมคว้าแชมป์ เซเรีย อา ได้ 6 ครั้งติด

ซึ่งทางทีม ยูเวนตุส นั้นต้องการอีกเพียงแค่ 1 แต้มจากการลงเล่นในฤดูกาลนี้ก็จะทำการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับทีมด้วยการคว้าแชมป์ เซเรีย อา มาครอบครองได้ 6 ครั้งติดต่อกันแต่ทว่าความพ่ายแพ้ในเกมนัดล่าสุดนั้นก็ทำให้พวกเขาต้องไปลุ้นในเกมนัดต่อไปที่จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของทางทีม โครโตเน่ ทีมที่กำลังหนีตกชั้นอยู่ในเวลานี้ด้วยโดยหลังจากจบเกมนัดนี้ทาง อัลเลกรี กุนซือของทีมก็ยอมรับว่าทีมนั้นประมาทกันมาจนเกินไปและนักเตะส่วนใหญ่ก็มัวคิดถึงเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ โคปป้า อิตาเลีย เป็นหลักด้วยทำให้เกมนัดนี้พวกเขาต้องเจอกับความพ่ายแพ้ไป

“เกมนัดนี้พวกเราเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในครึ่งแรกแต่ทว่าในครึ่งหลังพวกเขาก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นและมันก็แสดงให้กับพวกเราได้เห็นว่าพวกเขานั้นทำผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆและผมก็คิดว่าการที่นักเตะภายในทีมนั้นปล่อยการ์จตกนั้นถือได้ว่าเป็นการเปิดโอกาสให้กับทีมคู่แข่งได้ทำการสวนกลับได้ผมนั้นคิดว่ามันน่าจะเป็นเพราะว่านักเตะภายในทีมนั้นมัวแต่คิดถึงการแข่งขันฟุตบอลถ้วยอยู่และผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ย่ำแย่เป็นอย่างมากด้วยแต่ถึงอย่างไรความพ่ายแพ้ในเกมนัดนี้นั้นก็น่าจะกลายเป็นการปลุกให้พวกเรานั้นตื่นจากการหลับไหลก่อนที่จะทำศึกรายการ โคปป้า อิตาเลีย รอบชิงชนะเลิศ กับทางทีม ลาซิโอ ในกลางสัปดาห์นี้ด้วยแต่ทว่าพวกเราก็ต้องพยายามรักษาสมาธิให้ได้ก่อนในเกมนัดนี้เพื่อที่จะไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดมือไปเนิ่นนานกว่านี้ด้วยเพราะว่ามันถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะแสดงให้เห็นว่าพวกเรานั้นคู่ควรกับการคว้าแชมป์มากขนาดไหนโดยเกมนัดต่อไปพวกเราก็จะคว้าชัยชนะให้ได้พร้อมกับคว้าแชมป์มาครอบครองอย่างทันทีด้วย”

บริดจ์หนุนหลังน้ามูหลังออกมาวิจารณ์นักเตะภายในทีม

ทำถูกต้องแล้ว!! เวย์น บริดจ์ อดีตนักเตะของทางทีม “สิงห์บลูส์” เชลซี ได้ออกมาทำการหนุนหลังทาง โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือ เดอะ สเปเชี่ยล วัน ของทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ออกมาทำการวิพากษ์วิจาร์ณการเล่นของทาง ลุค ชอว์ แบ็คซ้ายของทีมพร้อมชี้ว่าเป็นการกระตุ้นให้นักเตะพยายามที่จะพิสูจน์ตัวเองในการฝึกซ้อมให้ดีมากขึ้นกว่านี้

ซึ่งทาง ชอว์ นั้นได้ภถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับฤดูกาลนี้และเขาก็ถูกจี้ให้ทำงานให้ดีขึ้นหลังกลายเป็นตัวเลือกอันดับที่ 4 ตามหลังทาง ดาลี่ย์ บลินด์ , มาร์กอส โรโฮ และ มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน โดยทาง บริดจ์ ที่เคยทำงานเป็นลูกทีมของทาง มูรินโญ่ ก็ได้ออกมาทำการหนุนเจ้านายเก่าของเขากับการกระทำที่เขาทำกับทาง ชอว์ ในเวลานี้พร้อมชี้ว่ามันถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่กระตุ้นให้นักเตะนั้นทำผลงานออกมาได้ดีมากขึ้นกว่าเดิมด้วยพร้อมหวังว่าเขานั้นจะทำแบบนี้ต่อไปด้วยเพราะว่ามันเป็นการทำให้ทีมนั้นประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเป้าเอาไว้ด้วย

“ถ้าหากเขาพูดถึงคุณ มันก็แปลกว่าเขาต้องแคร์หรือคิดว่าคุณสมควรที่จะทำผลงานออกมาได้มากกว่านี้ด้วยผมบอกได้เลยว่าเขาเป็นันกเตะที่มีระดับว่าต้องการกจานักเตะมากขนาดไหนด้วยพวกเราต้องลงเล่นในแต่ละสัปดาห์โดยคิดว่าเราต้องคว้าชัยชนะให้ได้และถ้าหากมันมีหลายครั้งที่ผมไม่ได้เล่นหรือผมถูกดร็อปหรือเปลี่ยนตัวออกจากทีมในครึ่งเวลาแรกมันก็จะเป็นตอนที่ผมทำผลงานออกมาได้แย่จริงๆด้วย เขาก็อาจจะไม่ทำการพูดคุยกับผมและผมก็ต้องกระตือรือร้นเพื่อที่จะกลับไปสู่ทีมให้ได้อีกครั้งหนึ่งด้วย ชอว์ ถือได้ว่าเป็นนักเตะระดับท็อปคลาสและมันก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ชัดเจนว่าเขาได้รับอาการบาดเจ็บในตอนนี้แต่ถ้าหากเป็นผมผมก็กระตือรือร้นในการฝึกซ้อมและถ้าหากทาง มูรินโญ่ เห็นการตอบสนองและนั่นก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เขาต้องการเป็นอย่างมากด้วยผมมีความสุขเป็นอย่างมากที่ทุกอย่างกำลังอยู่ในทิศทางที่ดีและถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาดผมก็หวังว่าจะมีคนเห็นด้วยกำสิ่งที่เขาทำด้วยเพราะว่ามันไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิดอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวเพราะว่าเขาพยายามทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุดแล้วและผมก็เชื่อว่าการกระตุ้นในวิธีของเขานั้นจะทำให้นักเตะมีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดอีกด้วย”

สมยศยันไม่มีปัญหาซิโก้น้อมรับการตัดสินใจลาออก

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยเปิดใจหลังจากที่ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ประกาศลาออกผ่านทางอินสตาแกรมว่าตนเองนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรกับทางซิโก้ พร้อมยืนยันยอมรับการตัดสินใจ

ซิโก้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นผู้จัดการทีมให้กับทีมชาติไทยหลังจากที่ผลงานในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2018 โซนเอเชียไม่น่าประทับใจ หลังพ่ายแพ้ให้กับญี่ปุ่น 4-0 ซึ่งหลังจากการประกาศของซิโก้ ทางด้านความเคลื่อนไหวของ พล.ต.อ.สมยศ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการถึงประเด็นนี้แล้วเช่นกัน ณ โรงแรมอโนมา แกรนด์ กรุงเทพ โดยเป็นการตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นการลาออกของซิโก้ รวมถึงการมองหาโค้ชคนใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทนด้วย

“ตอนนี้ถ้าถามผม ผมอยากได้โค้ชที่มีประสบการณ์ในการทำบอลระดับฟุตบอลโลกมาแล้ว มันเหมือนกับการเดินทางเข้าป่า ซึ่งแน่นอนหากเรามีคนที่มีประสบการณ์มันก็ทำให้เราเดินไปถูกทาง การเหลือเกมอีก 3 นัด ถือเป็นการลองผิดลองถูกสำหรับเรา เราคงไม่ได้หวังอะไรในเกมนัดที่เหลือนอกจากให้มันเป็นเกมบททดสอบเท่านั้น”

“ความจริงเป้าหมายของเราจริงๆ อยู่ที่ปี 2026 ซึ่งตอนนั้นหากเอเชียมีโควต้าเพิ่มก็นับว่าเป็นเรื่องโชคดีของเรา และนั้นถือเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ไปเล่นฟุตบอลโลก แต่สิ่งสำคัญก็คือการวางรากฐานเอาไว้ ตั้งแต่ทีมรุ่น 14 ปี และ 16 ปี ซึ่งในช่วงที่ผมทำงานในวาระ 3 ปีที่เหลือ ผมจะพยายามวางรากฐานในเรื่องนี้เอาไว้ใก้ดีที่สุด เพื่อให้ทีมพัฒนาไปต่อไปง่ายขึ้น ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่เราจะทำเพื่อการไปฟุตบอลโลก 2026”

“การจะทำทีมฟุตบอลให้ประสบความสำเร็จ เราจะต้องใจเย็นๆ และเป็นเรื่องที่ต้องใช้ระยะเวลายาว โดยเราจะเห็นได้จากญี่ปุ่นที่เขาก็วางเป้าหมายไว้นานหลายปีเช่นกัน ดังนั้นถ้าเราอยากจะประสบความสำเร็จ เราก็จะต้องคิดและทำเพื่อไปให้ถึงวันนั้น”

“กรณีของ ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ผมยืนยันได้เลยว่าเราไม่มีปัญหาอะไรกันแน่นอน ทุกครั้งไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาเป็นเช่นไรผมก็ได้บอกกับเขาเสมอว่าให้มาคุยกันก่อน เราค่อยคุยกัน เหมือนเรื่องสัญญาก็เช่นกัน เราต้องมาคุยกันก่อน แต่สำหรับครั้งนี้ผมก็เข้าใจและเคารพการตัดสินใจของเขา เขาคงคิดมาดีแล้วและมีเหตุผลของเขาเองที่ทำให้ตัดสินใจแบบนี้ ผมยอมรับและยืนยันว่าไม่มีปัญหากับเกียรติศักดิ์แน่นอน” บิ๊กอ๊อด ระบุ

มาเน่ทำสถิติเทียบซัวเรสยิงเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้ทั้งไปและกลับ

ซาดิโอ มาเน่ ดาวยิงฟอร์มแจ่มของ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ทีมดังในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการทำสถิติยิงประตูในศึกเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ ได้ทั้งไปและกลับเทียบเท่ากับ หลุยส์ ซัวเรซ อดีตหัวหอกที่ย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า โดยกองหน้าชาวอุรุกวัยได้เคยทำเอาไว้ในปี 2013-2014

ลิเวอร์พูลโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อเอาชนะได้ทั้ง 2 เกมในการทำศึกเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ กับเอฟเวอร์ตัน โดยในเกมล่าสุดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-1 ในสนามแอนฟิลด์ได้นั้นผู้ทำประตูแรกให้กับทีมก็คือ ซาดิโอ มาเน่ ที่ยิงประตูได้ในนาทีที่ 8 ของเกม ทำเอาแฟนบอลหงส์แดงได้เฮกันไปก่อนตั้งแต่ต้นเกม ส่วนประตูที่เหลือนั้นเป็นผลงานของ ฟิลิปป์ คูตินโญ่ ซึ่งเกมนี้ทางด้านเจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของทีมนั้นก็ได้หมุนเวียนนักเตะในเกมนี้ด้วยหลังขึ้นนำห่าง

ซึ่งมาเน่กำลังมีฟอร์มที่ร้อนแรงหลังเจ้าตัวนั้นยิงประตูรวมทั้งหมดให้กับต้นสังกัดไปแล้ว 18 ประตู พร้อมกับจ่ายให้เพื่อนทำประตูอีก 5 ครั้งด้วยกัน ซึ่งตอนนี้มาเน่ก็ยังรั้งตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดสโมสรร่วมอยู่ด้วย แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเพิ่งหายหน้าจากการไปช่วยทีมชาติในศึกฟุตบอลเนชั่น คัพ ก็ตาม แต่เจ้าตัวก็ปรับตัวได้อย่างสบายโชว์ฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่องได้ทันทีหลังจากกลับมาจากการไปรับใช้ชาติมา

จากผลงานของมาเน่ที่เขานั้นทำประตูได้ทั้งไปและกลับในเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ นับว่าเป็นการทำสถิติเทียบเท่า ซัวเรซ ที่เคยทำเอาไว้ โดยเป็นการยิงประตูได้ทั้งไปและกลับในฤดูกาลเดียว ซึ่งมีเพียงแข้ง 2 รายนี้ของลิเวอร์พูลเท่านั้นที่ทำประตูได้

สำหรับลิเวอร์พูลในเวลานี้กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยขยับขึ้นไปรั้งอันดับที่ 3 ของตาราง ด้วยการมี 59 คะแนน แต่กระนั้นก็ยังไม่แน่นอนว่าพวกเขาจะสามารถจบภายในท็อปโฟร์ได้ เนื่องจา แมนฯ ยูไนเต็ดที่ตามหลังมานั้นลงเล่นน้อยกว่า 2 นัด โดยมีแต้มห่างกันอยู่ 6 แต้ม

นักบุญไม่เสี่ยงส่งฟานไดจ์คลงสนามแม้อาการดีวันดีคืน

แฟนบอลเซาแธมป์ตันคงจะไม่ได้เห็น เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังของทีมนั้นได้ลงสนามในฤดูกาลนี้อีกแล้ว หลังจากที่ทางสโมสรได้เปิดเผยว่าจะไม่เร่งรัดใช้งานแข้งรายนี้ในการลงสนาม แม้ว่าอาการพักฟื้นจากอาการผ่าตัดจะดีวันดีคืนก็ตาม

ก่อนหน้านี้ฟาน ไดจ์ค ถือเป็นแข้งกองหลังรายสำคัญของทีมที่ทาง โกลด ปูแอล ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันนั้นเลือกใช้งานตลอดนับตั้งแต่ย้ายเข้ามาคุมทีม แต่กระนั้นความโชคร้ายก็บังเกิดขึ้นกับตัวนักเตะเอง เมื่อเจ้าตัวนั้นได้รับบาดเจ็บรุนแรงในเกมที่ “นักบุญ” เอาชนะเลสเตอร์ ซิตี้ 3-0 ในเกมลีกเมื่อช่วงเดือนมกราคม ซึ่งฟานไดจ์คถึงขั้นที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วนเลยทีเดียว และหลังผ่าตัดทีมแพทย์ของสโมสรก็ได้ระบุว่าอย่างน้อยๆ นักเตะจะต้องพักรักษาตัวนาน 3 เดือน ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวนั้นจะทำให้ฟานไดจ์คกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในช่วงท้ายฤดูกาล

อย่างไรก็ตามล่าสุดทางด้าน เซาแธมป์ตัน ได้ออกมาระบุเกี่ยวกับอาการของฟานไดจ์คอีกครั้ง หลังที่หลายคนเห็นว่าการพักฟื้นของเขานั้นดีขึ้นอย่างรวดเร็ว จนน่าจะกลับมาลงสนามได้อย่างแน่นอน แต่กระนั้นทางต้นสังกัดก็ไม่อยากจะต้องเสี่ยง โดยระบุว่าสโมสรจะยังไม่ใช้งานฟานไดจ์คแบบเสี่ยงๆ เพื่อประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยหวังว่าจะให้นักเตะนั้นรักษาตัวให้หายดีที่สุด และมีร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์ที่สุด ก่อนที่จะส่งลงสนาม ซึ่งท่าทีดังกล่าวอาจจะแสดงให้เห็นว่าปูแอลนั้นยังไม่อยากจะใช้งานนักเตะ ทำให้แฟนบอลอาจจะไม่เห็นฟานไดจ์คลงสนามในฤดูกาลนี้อีกแล้ว

ทั้งนี้แม้ว่าในเวลานี้ผลงานของ เซาแธมป์ตันจะยังกลางๆ แต่ทางด้านปูแอลก็ไม่ได้เร่งอะไรมาก เพราะอาจอยากจะวางแผนการทำทีมในระยะยาวมากกว่า และด้วยเกมที่เหลืออีก 11 เกมของ เซาแธมป์ตันก็คงเป็นเพียงการลองผิดลองถูกในการทำทีมของปูแอล ดังนั้นนี่จึงน่าจะเป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเขาอาจจะไม่ใช้งานฟานไดจ์คอย่างเร่งรัด แต่เลือกที่จะให้นักเตะพักฟื้นให้หายดีที่สุดก่อนมาลงสนามยาวในฤดูกาลหน้าแทนมากกว่า เพราะมองว่าซีซั่นนี้การจะเร่งอันดับในช่วงท้ายไม่น่าจะใช้เรื่องง่ายๆ แล้ว

บทความเเนะนำวันนี้